การตรวจการทำงานของท่อนำไข่
Tubal patency test
นพ.พัฒน์ศมา วิจินศาสตร์วิจัย
วว.สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา, วว.เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์,
ป.ผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช, MClinEmbryol,
EFOG-EBCOG., EFRM-ESHRE/EBCOG.
ท่อนำไข่ (fallopian tubes)
เป็นอวัยวะที่ต่อจากมดลูกโดยตรง โดยแบ่งเป็นข้างซ้ายและขวา ท่อนำไข่มีบทบาทต่อการมีลูกไม่ว่าจะเป็นการรับเอาเซลล์ไ่ข่จากรังไข่ การเดินทางของอสุจิเข้ามาหาไข่ จุดปฏิสนธิ (fertilization) รองรับการเจริญของตัวอ่อน 4-5 วันแรกหลังจากไข่ตก และย้ายตัวอ่อนให้เข้ามาสู่มดลูกเพื่อฝังตัวต่อไป หรืออาจจะกล่าวได้ว่าท่อนำไข่ก็เหมือนกับตู้อบเลี้ยงตัวอ่อนที่เราใช้ในห้องแลปทำเด็กหลอดแก้วนั่นเอง
การทำงานผิดปกติของท่อนำไข่ ไม่ว่าจะเป็นท่อนำไข่ตัน (nonpatent tubes) ท่อนำไข่บวมน้ำ (hydrosalpinges) หรือมีการอักเสบ ทำให้กลไกการตั้งครรภ์ตั้งต้นเกิดไม่ได้ ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากจากท่อนำไข่ (tubal factor infertility) ซึ่งพบได้บ่อยถึงร้อยละ 15-30 ของผู้มีบุตรยาก นอกจากนี้การทำงานของท่อนำไข่ยังมีผลต่อการเลือกวิธีการรักษามีบุตรยาก เช่น การฉีดเชื้อผสมเทียม (IUI) คามผิดปกติของท่อนำไข่ถือว่าเป็นข้อบ่งห้ามในการ IUI เนื่องจากไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสมที่ทำให้อสุจิเข้าปฏิสนธิกับไ่ข่ได้ ผู้ที่มีความผิดปกติของท่อนำไข่จึงจำเป็นต้องรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF, ICSI) เท่านั้น
การประเมินท่อนำไข่มีประวัติศาสตร์แห่งวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน (1) มีรายงานการตรวจการทำงานของวท่อนำไข่ด้วยวิธี hysterosalpingography (HSG) ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1895 หลังจากนั้นมีรายงานวิธีการตรวจใหม่ ๆ หลายวิธี บางวิธีก็หายไปแล้ว บางวิธีก็ยังอยู่ และยังอาจมีวิธีใหม่ ๆ ขึ้นมา ส่วนปัจจุบันนี้มีวิธีใดบ้าง วิธีไหนดี มีขัอเสียอย่างไร วันนี้มาคุยกันครับ
เทคโนโลยีการประเมินการทำงานของท่อนำไข่ (Tubal patency tests)
ปัจจุบันการตรวจการทำงานของท่อนำไข่ (2) มีหลายวิธี โดยวิธีที่ใช้บ่อยได้แก่
การฉีดสีเอกซเรย์ท่อนำไข่ (Hysterosalpingography; HSG)
การประเมินการทำงานของท่อนำไข่ด้วยเทคนิคทางอัลตราซาวนด์
Hysterosalpingo-contrast sonography (HyCoSy)
Hysterosalpingo-foam sonography (HyFoSy)
การประเมินท่อนำไข่ด้วย MRI (MR HSG)
การประเมินท่อนำไข่ด้วย virtual CT (CT HSG)
การประเมินท่อนำไข่ด้วยกล้องส่องช่องท้องและฉีดสีทางปากมดลูก (Laparoscopic chromopertubation)
1. การฉีดสีเอกซเรย์ท่อนำไข่ (Hysterosalpingography; HSG)
HSG เป็นเทคโนโลยีการตรวจท่อนำไข่แรกที่มีการรายงาน โดยเป็นการตรวจด้วยรังสีเอกซเรย์ขนาดต่ำผ่านการฉีดสารทึบรังสี (contrast media) ผ่านปากมดลูก ทำให้สามารถประเมินรูปร่างโพรงมดลูก ท่อนำไ่ข่ทั้งสองข้างได้โดยประเมินจากการกระจายออกจากท่อนำไข่ของสารทึบรังสี สารทึบรังสีนี้มี 2 ประเภท ได้แก่ water-soluble contrast media (WSCM) และ oil-soluble contrast media (OSCM) โดยพบว่าการใช้ OSCM อาจมีผลทางการรักษาได้ด้วยในกรณีที่ผู้ป่วยอาจมีมูกอุดตันที่ท่อนำไข่
ข้อเสียของ HSG คือ ความเจ็บปวด ไม่สะดวกสบายระหว่างการตรวจ การได้รับรังสีเอกซเรย์บริเวณอุ้งเชิงกราน และความแม่นยำในการตรวจน้อยโดยเฉพาะการตันของท่อนำไข่ส่วนต้น (proximal tubal occlusion) พบว่า HSG มีความแม่นยำเพียง ร้อยละ 40
2. การประเมินท่อนำไข่ด้วยกล้องส่องช่องท้องและฉีดสีทางปากมดลูก (Laparoscopic chromopertubation)
การส่องกล้องช่องท้องและฉีดสีผ่านทางปากมดลูก นับว่าเป็นวิธีการตรวจประเมินการทำงานของท่อนำไข่มาตรฐาน (gold standard) ทำได้โดยการผ่าตัดผ่านกล้องส่องช่องท้อง (laparoscopy) ภายใต้ยาดมสลบ มีความแม่นยำสูงแต่ถือว่าเป็นการตรวจที่รุกล้ำ (invasive) เนื่องจากต้องให้ยาสลบทั่วไป การใส่ท่อช่วยหายใจและการต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จึงทำเฉพาะกรณีที่ต้องผ่าตัดผ่านกล้องส่องช่องท้องเพื่อการผ่าตัดอื่น ๆ ร่วมด้วย
3. Hysterosalpingo-contrast sonography (HyCoSy)
เป็นการตรวจท่อนำไข่โดยใช้อัลตราซาวนด์และฉีดน้ำเกลือที่มีฟองอากาศเล็ก ๆ เข้าไปในโพรงมดลูก โดยจะเห็นน้ำเกลือที่มีฟองอากาศสีขาวออกจากปลายท่อนำไข่ (fimbriae) และเห็นน้ำเกลืออยู่รอบ ๆ รังไข่ใข่ข้างที่ปกติ (ovarian rim sign) ข้อดีของ HyCoSy คือ ความเจ็บปวดจากการตรวจมีน้อยมาก ค่าใช้จ่ายน้อย ไ่ม่ต้องพักรักษาในโรงพยาบาล และสามารถตรวจได้ในคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากเกือบทุกที่เนื่องจากต้องมีอัลตราซาวนด์ด้วยอยู่แล้ว นอกจากนี้การตรวจอาจใช้อัลตราซาวนด์สามมิติ (3D-TVUS) เพิ่มเติมซึ่งจะทำให้แสดงภาพ contrast ออกจากท่อนำไข่ทั้งสองข้างได้พร้อมกันเช่นเดียวกับการตรวจด้วย HSG
4. Hysterosalpingo-foam sonography (HyFoSy)
เป็นการตรวจโดยการใช้อัลตราซาวนด์เช่นเดียวกับ HyCoSy ต่างกันที่ HyFoSy ใช้การฉีดสารที่ลักษณะเนื้อโฟม (มีฟองอากาศแทรกมากกว่าน้ำเกลือ) เข้าไปในโพรงมดลูก ทำให้เห็นเป็นสีขาวที่เข้มกว่าน้ำเกลือจาก HyCoSy ทำให้เห็นได้ชัดเจนกว่า
HyCoSy และ HyFoSy มีความแม่นยำในการวินิจฉัยการทำงานของท่อนำไข่สูงมากใกล้เคียงกับ laparoscopic chromopertubation
ส่วน MR HSG และ CT HSG หมอคิดว่ามีความยุ่งยากในการตรวจมาก จำนวนเครื่องตรวจที่จำกัด ทำได้ไม่ทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการตรวจที่สูง ทำให้ไม่มีความคุ้มค่าในการส่งตรวจ
สรุป
การเลือกวิธีใดในการประเมินการทำงานของท่อนำไข่ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความชำนาญของสถาบันที่ตรวจ ภาวะของคนไข้
References
Patil, Eva et al. The history and current status of fallopian tube pressures — developing alternate methods for confirmation of tubal occlusion. Contraception, Volume 92, Issue 2, 124 - 127.
Grigovich M, Kacharia VS, Bharwani N, Hemingway A, Mijatovic V, Rodgers SK. Evaluating Fallopian Tube Patency: What the Radiologist Needs to Know. Radiographics. 2021 Oct;41(6):1876-18961.