นพ.พัฒน์ศมา วิจินศาสตร์วิจัย
วว.สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา, วว.เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์,
ป.ผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช, MClinEmbryol,
EFOG-EBCOG., EFRM-ESHRE/EBCOG.
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าหลังจากวิกฤต COVID-19 ที่เป็นปัญหาไปทั่วโลกร่วมกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลต่ออัตราการว่างงาน ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าครองชีพที่สูงขึ้นทั่วโลก
รูปภาพที่ 1 แสดงค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นใจด้านต่าง ๆ ของประเทศออสเตรเลีย เปรียบเทียบระหว่าง เดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 กับ มีนาคม พ.ศ. 2564
รูปภาพที่ 1 แสดงการเปลี่ยนแปลงของค่าครองชีพเปรียบเทียบระหว่างเดือนมีนาคม 2566 กับ เดือนมีนาคม 2564 ของประเทศออสเตรเลีย (ข้อมูลประเทศไทยหาไม่ได้เลย มีแต่ข้อมูลเป็นจุด ๆ ซึ่งเปรียบเทียบไม่ได้) จะพบว่าค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้นสูงสุด ซึ่งในประเทศอื่น ๆ สัมพันธ์กับอัตราเงินเฟ้อ แต่ประเทศไทยอัตราเงินเฟ้อไม่เพิ่มสูงขึ้นนักแต่เราประสบกับปัญหาเงินฟืด (คือมีจำนวนเงินหมุนเวียนในระบบไม่มากนัก) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการเพิ่มดอกเบี้้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่นั่นก็ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นเช่นกัน จากรูปภาพที่ 1 พบว่าค่าครองชีพที่จะทำให้คนเราครองสุขภาพที่ดี ได้แก่ อาหารที่มีสุขอนามัย ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ค่าที่อยู่อาศัย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสาธารณูปโภคโดยเฉพาะพลังงาน ล้วนเพิ่มขึ้นระหว่าง 11-37%
ค่าครองชีพที่สูงขึ้นนี้แม้จะส่งผลกระทบต่อทุกคนในสังคมก็จริง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อแต่ละครอบครัวไม่เท่ากัน กล่าวคือครอบครัวที่มีรายได้สูงสามารถจัดการกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นได้โดยการตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นและออมเงินเพิ่มขึ้น ในขณะที่ครอบครัวรายได้น้อยมีความสามารถในการออมลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายของค่าครองชีพพื้นฐานสูงขึ้นทำให้รายได้ต้องจ่ายไปกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหมดและรายได้อาจไม่พอด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ยิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ยิ่งหายไปกับดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นไปอีก ท้ายสุดปัญหาเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รูปภาพที่ 2 แสดงผลกระทบของความเครียดทางการเงินต่อสุขภาพ
ผลของความเครียดทางการเงินต่อสุขภาพสรุปในรูปภาพที่ 2 กล่าวคือ ความเครียดทางการเงินส่งผลต่อสุขภาพ 3 ทาง ได้แก่ ความยากลำบากในการหาวัตถุ ผลกระทบต่อจิตใจและสังคม และผลกระทบต่อพฤติกรรม
ความยากลำบากในการหาวัตถุ
ผู้คนที่ต้องเผชิญกับความยากลําบากทางวัตถุไม่สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานได้เพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้
ความยากลําบากทางวัตถุสามารถนําเสนอตัวเองได้หลายวิธี:
ความไม่มั่นคงด้านอาหาร - ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
ความยากจนด้านพลังงาน - ดิ้นรนเพื่อจ่ายค่าไฟฟ้าและแก๊ส
การดูแลสุขภาพรอการตัดบัญชี - เลื่อนการรักษาพยาบาลออกไป
ความไม่มั่นคงของที่อยู่อาศัย - ดิ้นรนเพื่อหาที่อยู่อาศัยที่มั่นคง
การพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์นี้อาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสุขภาพ ตัวอย่างเช่น
ความไม่มั่นคงด้านอาหารเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโภชนาการที่ไม่ดี โรคอ้วน และการเจ็บป่วยเรื้อรัง เนื่องจากครัวเรือนที่เผชิญกับแรงกดดันด้านค่าครองชีพเปลี่ยนไปเป็นตัวเลือกอาหารที่ถูกกว่าและมีคุณภาพต่ํากว่า
ความยากจนด้านพลังงานเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต เนื่องจากผู้คนพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาความอบอุ่นในฤดูหนาว และเย็นสบายในฤดูร้อน
การดูแลสุขภาพที่ล่าช้าจะเพิ่มความเสี่ยงในการเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่รุนแรง อยู่ในโรงพยาบาลนานขึ้น และเข้ารับการรักษาในแผนกฉุกเฉิน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่แย่กว่าสําหรับบุคคลเท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าสําหรับระบบการดูแลสุขภาพของเราอีกด้วย
2. ผลกระทบต่อจิตใจและสังคม
ผลกระทบทางจิตสังคมคือวิธีที่แรงกดดันด้าน cost-of-living ส่งผลกระทบต่อจิตใจและความสัมพันธ์ทางสังคมของเรา
ความยากลําบากในการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของเรามีความสัมพันธ์อย่างมากกับระดับความทุกข์ทางจิตใจที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอาการของความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
ผลกระทบนี้อาจแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไปหากบุคคลประสบกับความเครียดทางการเงินอย่างต่อเนื่อง
โดยการบ่อนทําลายความสามารถของเราในการทํางานให้ดี ผลกระทบทางจิตสังคมของความเครียดทางการเงินที่ยืดเยื้อสามารถเริ่มต้น "วงจรอุบาทว์" ซึ่งนําไปสู่ผลผลิตที่ลดลงและรายได้ที่ลดลง
ความเครียดทางการเงินอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของคู่สมรส ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของสมาชิกในครัวเรือนคนอื่นๆ เช่น เด็ก
3. ผลกระทบต่อพฤติกรรม
สําหรับหลาย ๆ คน แรงกดดันเหล่านี้ได้กลายเป็นเหตุผลในการทํางานเป็นเวลานานขึ้นเพื่อให้มีรายได้เพิ่มเติม แต่การทํางานเป็นเวลานานจะลดสุขภาพโดยรวมของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ปกครองของเด็กเล็กที่ต้องเผชิญกับข้อจํากัดด้านเวลาที่มากขึ้น
นอกจากนี้ยังทําให้มีเวลาน้อยลงสําหรับกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี เช่น ออกกําลังกายเป็นประจําและทําอาหารเพื่อสุขภาพ
ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจของประเทศมีทั้งเงินเฟ้อและเงินฝืด ซึ่งปัญหาเงินฝืดหลักการคือต้องการการลดดอกเบี้ยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย การขึ้นดอกเบี้ยอย่างที่ทำในปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งยิ่งทำให้ปัญหาเงินฝืดมีมากขึ้น และปัญหาเงินฝืดยิ่งซ้ำเติมผลของค่าครองชีพที่สูงขึ้นและผลของค่าครองชีพต่อสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
สุดท้ายนี้ หมอจึงขอเรียกร้องให้ผู้กําหนดนโยบายของประเทศทั้งด้านการเงินและการคลัง ควรมุ่งเน้นไปที่การทําให้แน่ใจว่าการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ราคาไม่แพงและทันเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนด้านสุขภาพจิต มีให้สําหรับผู้ที่เสี่ยงต่อผลของค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น
ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี
หมอพัฒน์ศมา